Breaking News
Loading...
วันพุธที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2556

การ เที่ยวและท่องไปอย่างไร้ขอบเขต, โดยไม่มีจุดหมายว่า, จะสิ้นสุดหรือยุติลงตรงไหน, ก็ทำให้ชีวิตจิตใจนั้น, พบเสรีภาพและอิสระอย่างไร้ขอบเขต, ที่เป็นเช่นนั้นได้ก็เนื่องด้วยไม่ไปมั่นหมายว่า, จะมีจะเป็นกับอะไร, เป็นชีวิตที่ปราศจากเครื่องผูกมัด, ไร้สิ่งร้อยรัดทั้งกายและใจ, จึงเที่ยวและท่องไปอย่างเสรี, ซึ่งในมวลหมู่มนุษย์จำนวนมาก, ก็อาจจะมีไม่สักกี่คน, ที่ยินดีและพอใจในการดำเนินชีวิตเช่นนี้, เพราะเมื่อมองไป   ในมนุษย์ส่วนมากนั้น, ก็กำลังปฏิบัติอยู่, ประพฤติอยู่, ประกอบอยู่, เพื่อพอกพูนความโลภความโกรธความหลง, ให้หนาแน่นยิ่งขึ้น, ทั้งนี้ก็เพราะไม่ได้สดับ ธรรมที่พระพุทธเจ้าประกาศไว้, จึงไม่เข้าใจว่า, การสั่งสมอะไรเป็นคุณ, สั่งสมอะไรเป็นโทษ, อะไรเป็นประโยชน์และมิใช่ประโยชน์, เมื่อไม่รู้ไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้, ชีวิตจึงตกอยู่ในความเร่าร้อนทุรนทุรายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้, ดังจะเห็นได้ทั่วไปในมวลมนุษย์ชาติ, พระพุทธองค์แสดงเอาไว้ว่า, ธรรมและอธรรมหามีวิบากเสมอกันไม่, ธรรมนำไปสู่สุคติ, อธรรมนำไปสู่นรก, ถึงแม้จะ     ชื่อว่าธรรมเหมือนกัน, แต่การให้ผลจะแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน, เพราะ ธรรมเป็น ความไม่โลภไม่โกรธไม่หลง, จะทำอะไรทางกายจึงไม่เบียดเบียนใครๆ, จะพูดอะไรก็ไม่กระแทกกระทั้นหรือกระทบใครๆ, จะคิดอะไรก็ไม่ปองร้ายหรือเบียดเบียนใครๆ, สละได้แบ่งปันได้, จิตใจประกอบไปด้วยเมตตา, ทั้งคนและสัตว์ทั้งหลาย, จึงอยู่เป็นสุข, และมีสุขเป็นเบื้องหน้า, ดังนั้นการประพฤติธรรมจึงเป็นการประกอบความสุข, เป็นการเพิ่มพูนความสุขให้กับชีวิต, ส่วนอธรรมนั้น, เป็นการนำนรกมาสู่ชีวิต, การเป็นอยู่ในชีวิตนี้, ก็   ราวกับอยู่ในหลุมถ่านเพลิง, มีแต่ความเร่าร้อนทุรนทุรายทั้งกลางคืนกลางวัน, จะมั่งมีก็ไม่มีความสุขหรือถ้ายากจนก็ยิ่งสาหัสสากรรณ์, เมื่อล้มหายตายจากโลกนี้, ก็ต้องตกไปในอบายภูมิ, หาความสุขความเจริญอะไรไม่ได้, มีทุกข์ในปัจจุบันและมีทุกข์สืบไปในเบื้องหน้า, ซึ่งจะต้องเวียนวนในสถานะที่เรียกว่า อบายนั้นอย่างหาประมาณมิได้, อันตรายจริงๆ, ทำไมจึงเป็นอย่างนั้น, ก็ทุกอย่างเป็นไปตามเหตุปัจจัย, ดังนั้นใครทำอะไรอย่างไร, ก็จักต้องได้รับผลไปตามนั้น, เหมือนคนที่ทำการงานอย่างเกียจคร้าน, ก็ต้อง    ได้รับผลตามนั้น, หรือที่เรียกกันว่าทุกวันนี้มันวิปริตแปรปรวน, ทั้งแผ่นดินทั้งผืนฟ้าทั้งนํ้าทั้งลม, ซึ่งที่จริงเขาก็เป็นไปตามเหตุปัจจัย, ไม่มีอะไรแปลกประหลาดหรือพิศดาร, และเขาก็เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร, แต่ด้วยความเข้าใจผิดของมนุษย์ส่วนมาก, ที่จะหาวิธีแก้ไขสิ่งเหล่านี้ให้เป็นไปตามต้องการ,ซึ่งก็จักต้องเหนื่อยแรง เปล่า, จนกระทั้งถึงกับตายเปล่า, เพราะ ธรรมชาติ ทั้งหลายเขาก็เป็นอยู่อย่างนั้น, ถึงในบางอย่างมนุษย์จะแก้ไขได้, แต่ก็เป็นเพียงบางอย่างบางเรื่อง, และก็ชั่วครั้งชั่วคราว, ไม่นานก็เป็น   เช่นนั้นๆอีก, ซึ่งเป็นการเวียนวน, และจักต้องเวียนว่ายวันแล้ววันเล่า, ปีแล้วปีเล่าชาติแล้วชาติเล่า, ในการที่จักต้องตายแล้วเกิด, เกิดแล้วตาย, เป็นเรื่องที่น่าเบื่อหน่าย, ถ้ามนุษย์มาแก้ไขที่ต้นเหตุคือตัวเอง, นั่นแหล่ะ, จึงจะกำจัดความเวียนวนได้อย่างแท้จริง, เพราะการวกวนนั้นเกิดขึ้นจากโมหะที่ห่อหุ้มจิตใจของมวลมนุษย์,ถ้ามนุษย์มา ศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า, ก็หากจะรู้และเข้าใจเองว่าควรจะทำอย่างไร, เพราะโลกเขาก็เป็นของเขาอยู่อย่างนั้น, ไม่มีใครที่จะแก้ไขให้เป็นอื่นได้, พระพุทธเจ้าก็สอนไว้ว่า,

2 ความคิดเห็น :

  1. ซึ้งเลยครับ สาธุอัพเดทบ่อยๆ นะครับ เวลาท้อแท้จะได้เข้ามาอ่าน
    ขอบคุณ admin ที่เอาบทความดีๆ มาเขียนให้อ่าน (h)

    ตอบลบ
  2. เอาไปแชร์ต่อได้มั้ยครับ

    ตอบลบ