Breaking News
Loading...
วันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2555

มรรคนั้นมี   แปดข้อ   ท่านก่อไว้
ก่อเพื่อให้   มวลชน  พ้นจากทุกข์
พ้นจากเครื่อง  ร้อยรัด  มัดพันผูก
คือเห็นถูก  เห็นชอบ  ระบอบธรรม
เป็นบันได  ข้อต้น  หนทางนี้
พระองค์ชี้  ทางออก  จากชอกชํ้า
ว่า,,นี้,,ทาง,, ให้เห็น เป็นลำนำ
ทิ้งระกำ  เศร้าโศก  วิโยคครวญ,
ความเห็นถูก  เห็นตรง  ต้องคงไว้
คงที่ใจ  มิให้เซ  หรือเหหวน


ละตัณหา เพราะมาร พารัญจวน
ไม่เซซวน รู้ ปล่อย ลอยหลุดไป,
ความดำริ ถูกต้อง คลองธรรมนี้
เป็นเครื่องชี้ ว่ามรรค จักเดินได้
ตัวที่สาม ตามติด ประชิดไป
ไม่เพ้อเจ้อ เหลวไหล มีใจความ,
ผู้สำรวม วาจา นั้นน่าคบ
น่าเคารพ ชวนใจ ให้ไต่ถาม
พูดความจริง ทั้งเพราะ เสนาะงาม
ทุกๆยาม เป็นเพื่อน คอยเตือนใจ,
ข้อที่สี่ เลิกเลย เคยเห็นผิด

เรื่องชีวิต เคยฆ่าเข่น เว้นให้ได้
ให้เมตตา เป็นธรรม คํ้าชูใจ
จึงจะไม่ เดือดร้อน เมื่อตอนตาย,
การเลี้ยงชีพ จงอย่าเห็น เป็นเรื่องยาก
อย่าลำบาก ดูเป็น จะเห็นง่าย
ชีวิตนี้ จริงแท้ แก่เจ็บตาย
รีบขวนขวาย เพื่อละ ขันธ์มาร,
ข้อที่หก มีสอง ต้องศึกษา
หนึ่งเพียรละ บาปกรรม เคยทำนั้น
สองให้เห็น ว่าต้องละ อย่ายึดมัน
เมื่อละพลัน ใจสุข คลุกเพียงดี,

ข้อที่เจ็ด สะเด็ดนัก มรรครวมยอด
รวมตลอด จากหนึ่ง ถึงตรงนี้
รู้ในกาย เวทนา ว่าไม่มี
สิ่งเหล่านี้ คือขันธ์ มันใช่ใคร,
จิตคือจิต เห็นผิด คิดเอาว่า
เวทนา เป็นมัน นั้นไม่ใช่
จิตมันหลง มันโง่ โมเมไป
เวทนา มันใช่ ของใครกัน,
เป็นธรรมะ ธรรมชาติ ราดรดหมด
ชั่งสลด อนัตตา ว่าไหมนั่น
แต่ก็พึง รู้ว่า ค่าอนันต์

ใครรู้มัน ก็วาง แล้วว่างจริง,
ต้องอาศัย สัมมา สมาธิ
ไม่ดำริ ไรๆ ให้ยุ่งยิ่ง
ไม่ถือเอา อนัตตา มาประวิง
สุขไม่อิง จึงตั้งมั่น นิรันดร์,


บทความใหม่กว่า
Previous
This is the last post.

0 ความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น